ในโลกที่เทคโนโลยีพัฒนาอย่างรวดเร็ว “การเรียนรู้” ไม่สามารถจำกัดอยู่เพียงในห้องเรียนอีกต่อไป นี่คือแนวคิดสำคัญที่ Fast B Skills นำมาปรับใช้ในการออกแบบการเรียนรู้ยุคใหม่ เพื่อผลักดันให้ทุกคนสามารถเข้าถึงการศึกษาอย่างเท่าเทียม และพัฒนาทักษะได้ตลอดชีวิต
การศึกษาไทยต้องเร่งปรับตัวรับคลื่นเทคโนโลยี
กระทรวงศึกษาธิการตระหนักถึงความเปลี่ยนแปลงอันรวดเร็วของเทคโนโลยีดิจิทัล ทั้งปัจจัยด้าน AI และเครื่องมือดิจิทัลที่เข้ามามีบทบาทในระบบการเรียนการสอน ส่งผลให้ต้องปรับรูปแบบวิธีคิดและบทบาทของครู จากผู้ถ่ายทอดความรู้ สู่การเป็น “ผู้สนับสนุนการเรียนรู้” กระตุ้นให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมและเรียนรู้เป็นรายบุคคลมากขึ้น
โอกาสใหม่: การเรียนรู้ได้ทุกที่ ทุกเวลา
ปัจจุบัน กระทรวงฯ มุ่งส่งเสริมให้ทุกคนสามารถเรียนรู้ผ่านหลากหลายช่องทาง ไม่ว่าจะผ่านอินเทอร์เน็ต อุปกรณ์ดิจิทัล ทักษะทางภาษา หรือความร่วมมือกับภาคเอกชนและอุตสาหกรรม เพื่อเชื่อมต่อทรัพยากรและสร้างพันธมิตร พัฒนาคุณภาพการศึกษาไปอีกขั้น
6 ความท้าทายหลักที่ขับเคลื่อนการศึกษาไทยในปี 2025
1. เปิดโอกาสเรียนรู้ทุกที่ ทุกเวลา ผ่านเทคโนโลยีสมัยใหม่
ระบบการศึกษาของไทยปรับตัวนำแนวคิด “Anywhere Anytime Learning” โดยใช้แพลตฟอร์มดิจิทัลและ AI ช่วยให้นักเรียนเลือกเรียนได้ตามความสนใจ ทุกที่ ทุกเวลา ลดข้อจำกัดเรื่องเวลาและสถานที่ โรงเรียนและมหาวิทยาลัยพัฒนาโปรแกรมออนไลน์และใช้ AI/Chatbot ในการปรับบทเรียนตามความต้องการเฉพาะบุคคล
2. ครูกลายเป็น “ผู้อำนวยความสะดวก” ดึงศักยภาพผู้เรียน
ครูในอนาคตทำหน้าที่ “Facilitator” มากกว่าการสอนเชิงเดี่ยว ส่งเสริมการคิดวิเคราะห์และเรียนรู้ผ่านโครงการ (Project-based / Active Learning) เทรนด์ใหม่คือการสร้างบทบาทครูผู้เป็นที่ปรึกษา ให้ผู้เรียนทำงานและคิดค้นคำตอบเอง มีการใช้ AI เข้ามาช่วยออกแบบ/ปรับแต่งแผนการสอน ให้เหมาะกับบริบทของแต่ละห้องเรียน
3. AI และปัญญาประดิษฐ์ เข้ามามีบทบาทในระบบการศึกษา
AI ถูกนำมาใช้ในหลายระดับ เช่น Chatbot ช่วยตอบคำถาม, ระบบวัดผลและวิเคราะห์จุดอ่อน-จุดแข็งของผู้เรียน, การสร้างสื่ออินเตอร์แอคทีฟ อย่างไรก็ตามยังต้องเน้นเรื่องจริยธรรมและความปลอดภัยในการใช้ AI รัฐบาลกำหนดนโยบายด้าน AI ในการศึกษา นำไปสู่เป้าหมาย “3+1 Languages” (ไทย จีน อังกฤษ และดิจิทัล) พัฒนากำลังคนดิจิทัล และเตรียมสร้าง National Credit Bank ยืนยันผลงานและทักษะตลอดชีวิต
4. การเรียนรู้ตลอดชีวิตในทุกช่วงวัย
ประเทศไทยเริ่มสร้างวัฒนธรรม Lifelong Learning สนับสนุนให้ทุกเพศทุกวัยมีช่องทางเรียนรู้เพิ่มเติม มีระบบสะสมหน่วยกิตด้าน Digital Skills ขยายโอกาสผู้สูงอายุให้เรียนออนไลน์ได้ฟรี กระทรวงศึกษาธิการผลักดันหลักสูตรสำหรับแรงงาน เตรียมคนสู่เศรษฐกิจดิจิทัล
5. ทักษะภาษา (จีน อังกฤษ สเปน ฯลฯ) ถูกเน้นย้ำในระบบการศึกษา
นโยบาย “3+1 Languages” ทำให้โรงเรียนต้องเสริมทักษะภาษาอังกฤษ-จีน และทักษะดิจิทัล ในทุกระดับชั้น เพิ่มชั่วโมงภาษา/แลกเปลี่ยนโครงการกับนานาชาติ ภาษาอื่นที่กำลังเป็นที่ต้องการ เช่น สเปน ก็มีกระแสเพิ่มขึ้นในบางภูมิภาค เพื่อโอกาสในการทำงานบนเวทีโลก
6. เดินหน้า “กรีนเอ็ดดูเคชัน (Green Education)” สร้างการเรียนการสอนที่ยั่งยืนใส่ใจจริยธรรม/คุณธรรม
Green Education Initiative ส่งเสริมโรงเรียนสีเขียว (Green Schools) เช่น การใช้พลังงานสะอาด การบริหารจัดการของเสีย/น้ำ, พัฒนาหลักสูตรที่เน้นจริยธรรมและความรับผิดชอบสิ่งแวดล้อม ร่วมกับองค์กรระหว่างประเทศ (ยูเนสโก, Huawei) มุ่งให้เกิด Carbon Neutrality ในอนาคตและสร้างจิตสำนึกเรื่อง climate action ตั้งแต่ในชั้นเรียน
Fast B Skills เดินหน้าเป็นแพลตฟอร์มต้นแบบที่เชื่อมโยงความรู้และเทคโนโลยี ตอบโจทย์ทั้งผู้เรียนและองค์กร เพิ่มศักยภาพและโอกาสในการฝึกทักษะใหม่ๆ อย่างไม่มีขีดจำกัด สอดรับยุทธศาสตร์การศึกษายุคใหม่และพร้อมนำพาทุกคนก้าวทันทุกการเปลี่ยนแปลงของโลกดิจิทัล
แหล่งที่มา: Source
