การเรียนออนไลน์ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะสามารถเรียนได้ทุกที่ ทุกเวลา และประสิทธิภาพไม่แพ้การเรียนแบบเจอหน้าจริง ในปัจจุบัน แพลตฟอร์มอย่าง Fast B Skills จึงกลายเป็นทางเลือกหลักสำหรับผู้เรียนและองค์กรที่ต้องการเพิ่มทักษะใหม่หรือเสริมความรู้โดยไม่ต้องเดินทาง สามารถเข้าถึงเนื้อหาคุณภาพ วิเคราะห์ความก้าวหน้าตนเอง และเลือกเรียนตามความสนใจได้อย่างยืดหยุ่น
นอกจากนี้ สถิติการเรียนล่าสุดยังแสดงให้เห็นว่า คนทุกวัยและทุกอาชีพหันมาใช้ eLearning มากขึ้น เพราะประหยัดเวลา ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุคดิจิทัล และช่วยให้องค์กรปรับตัวสู่อนาคตได้อย่างมีประสิทธิภา
สรุปสถิติการเรียนที่น่าสนใจในปี 2025 มีดังนี้
- นักเรียนทั่วโลกถึง 49% เคยเรียนอย่างน้อย 1 คอร์ส
- อุตสาหกรรมเติบโตเร็วที่สุดในสายการศึกษา โดยเติบโตถึง 900% ตั้งแต่ปี 2000
- 70% ของผู้เรียน เห็นว่าดีกว่าชั้นเรียนแบบเดิม
- คาดการณ์ในปี 2027 จะมีผู้ใช้งานสูงถึง 57 ล้านคน
- 80% ของธุรกิจ ทั่วโลกมีการนำระบบอบรม/เรียนรู้ออนไลน์มาใช้งาน
- 63% ของนักเรียนสหรัฐฯ ใช้กิจกรรมประจำวัน
- ช่วยเพิ่มอัตราการคงอยู่ของผู้เรียนหรือพนักงาน (retention) ได้สูงถึง 50%
- ช่วยลดเวลาในการเรียนรู้แต่ละเรื่องลงได้ 40–60%
- ตลาดอุตสาหกรรมนี้มีมูลค่าสูงกว่า 370,000 ล้านดอลลาร์ ในปี 2026
- องค์กรที่มีการอบรมออนไลน์พบว่าประสิทธิภาพของพนักงานดีขึ้นถึง 15–25%
การเรียนออนไลน์คืออะไร?
การเรียนออนไลน์ (หรือที่เรียกว่า eLearning / Distance Learning) หมายถึงการเรียนรู้ผ่านอินเทอร์เน็ต ไม่ว่าจะเป็นมหาวิทยาลัย โรงเรียน (K-12) หรือการอบรมผู้ใหญ่ ล้วนใช้การเรียนออนไลน์ในรูปแบบต่าง ๆ กันอย่างแพร่หลาย
สถิติการเรียนออนไลน์ล่าสุดเผยให้เห็นภาพรวมอุตสาหกรรมที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด — และยังมีแนวโน้มโตต่อเนื่องในอนาคต
แนวโน้มการเติบโตของ eLearning
- ตั้งแต่ปี 2000 ตลาดการเรียนแบบนี้โตขึ้นกว่าร้อยละ 900% กลายเป็นตลาดที่เติบโตเร็วที่สุดในอุตสาหกรรมการศึกษา
- คาดการณ์ว่าอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีของตลาดนี้จะอยู่ที่ 9.1% ในช่วงปี 2018–2026
- สหรัฐอเมริกา : มูลค่าอุตสาหกรรม online learning จะเพิ่มจาก $100 พันล้านปี 2022 เป็น $687 พันล้านปี 2030
- จีน : เป็นตลาดใหญ่อันดับสอง คาดว่าจะมีมูลค่า $171 พันล้านในปี 2030
- หลังโควิด-19 อุตสาหกรรมนี้ขยายตัวกว่า 200% ในเวลาเพียง 5 ปี
- ปี 2022 ตลาด eLearning ทั่วโลกสูงถึง $240 พันล้าน (จาก $165 พันล้านในปี 2014)
- คาดว่าผู้เรียนทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นถึง 57 ล้านคนในปี 2027
มีคนใช้การเรียนแบบนี้มากแค่ไหน?
- สหรัฐอเมริกาเป็นตลาดการเรียนที่มีรายได้สูงที่สุดของโลก โดยในปีล่าสุดมีรายรับจาก eLearning กว่า 74,800 ล้านดอลลาร์
- มากกว่า 30% ของนักเรียนอเมริกัน เคยเรียนคอร์สออนไลน์อย่างน้อยหนึ่งหลักสูตร
- งานวิจัยพบว่า มากกว่า 1 ใน 3 ของนักเรียน ลงทะเบียนเรียนและมากกว่าครึ่งของกลุ่มนี้ก็ยังลงเรียนในชั้นเรียนปกติร่วมด้วย
ผลลัพธ์นี้สะท้อนว่า eLearning กลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของนักเรียนอเมริกัน และแนวโน้มทั่วโลกก็เติบโตอย่างต่อเนื่อง
ผู้หญิงสมัครเรียนมากกว่าผู้ชาย (แต่ห่างกันเล็กน้อย)
- สถิติระบุว่า ผู้หญิงสมัครเรียนมากกว่าผู้ชายเล็กน้อย
- ระดับปริญญาตรี: ผู้หญิง 50% ผู้ชาย 49%
- ระดับบัณฑิตศึกษา: ผู้หญิง 52% ผู้ชาย 48%
จำนวนผู้เรียนพุ่งสูงช่วงโควิด-19
- นักศึกษาระดับปริญญาตรีที่เรียน 100%
- ปลายปี 2019: 2.4 ล้านคน
- ปี 2020 หลังโควิด-19 ระบาด: พุ่งเป็น 7 ล้านคน (เพิ่มขึ้นเกือบ 200%)
แนวโน้มนี้ยืนยันว่าการเรียนในรูปแบบนี้กลายเป็นวิถีใหม่ที่ตอบโจทย์และเข้าถึงได้สำหรับคนทุกเพศ และเติบโตอย่างรวดเร็วในสถานการณ์โลกเปลี่ยนแปลง
กระแสการเรียนทำให้จำนวนผู้เรียนเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด
- ปี 2020 จำนวนนักศึกษาปริญญาตรีที่เรียน (อย่างน้อย 1 วิชา) เพิ่มขึ้นถึง 97% เมื่อเทียบกับปี 2019
- หลักสูตรออนไลน์ขนาดใหญ่ (MOOCs) ได้รับความนิยมอย่างมาก:
- ปี 2021 มีผู้สมัครเข้าเรียน 40 ล้านคน
- ปี 2022 พุ่งขึ้นเป็น 220 ล้านคน (เพิ่มขึ้นจำนวนมากในปีเดียว)
- 63% ของนักเรียน ที่เลือกเรียนแบบนี้เพราะความยืดหยุ่นทั้งเรื่องเวลาและสถานที่
- จุดประสงค์หลักของผู้เรียน:
- 30% ต้องการเพิ่มโอกาสในอาชีพและรายได้ที่ดีกว่า
- 23% เรียนเพื่อเปลี่ยนอาชีพให้ตรงกับความสนใจมากขึ้น
เปิดโอกาสสำหรับทุกวัยและช่วยโลก
- 42% ของผู้เรียนอายุ 30 ปีขึ้นไป สะท้อนว่าการศึกษาตลอดชีวิตเป็นเรื่องจริงในยุคใหม่
- ลดการปล่อย CO₂ ต่อผู้เรียนได้ถึง 85% และช่วยลดการใช้พลังงานในสถานศึกษาเกือบ 90% เพราะไม่ต้องเดินทางไป-กลับเรียน
ประสิทธิภาพของการเรียน
- Retention rate (อัตราคงผู้เรียน/พนักงาน) สูงขึ้นถึง 60% เทียบกับอัตราเดิม 8–10% ในห้องเรียนปกติ
- ใช้เวลาเรียนน้อยลง สูงสุดถึง 60% ทั้งนักเรียนและพนักงานบริษัท
- 81% ของนักเรียน เชื่อว่าดิจิทัลช่วยให้ผลการเรียนดีขึ้น
- 85% ของผู้เรียน พัฒนาทักษะ critical thinking/solution มากขึ้น
- 60% ของผู้เรียน พัฒนาทักษะอ่อน (soft skills) เช่น teamwork, สื่อสาร, บริหารเวลา
ทัศนคติของผู้เรียนยุคใหม่
- 41% ของนักศึกษาระดับสูงในอเมริกา ชอบออนไลน์มากกว่าการเรียนปกติ
- 95% ของผู้ที่จบคอร์สออนไลน์ แนะนำให้คนอื่นมาเรียนด้วย
- 70% ของนักเรียนนิยมแบบออนไลน์มากกว่าการเรียนห้องปกติ
- เนื้อหาแบบคอร์ส (content learning) คิดเป็น 59% ของตลาด eLearning ทั่วโลก
มุมองค์กร
- 77% ของบริษัททั่วโลก ใช้ระบบเรียนสำหรับฝึกอบรม/พัฒนา
สถิติการเรียนกับประโยชน์สำหรับองค์กรและการศึกษา
- ช่วยเพิ่ม engagement ของพนักงานได้ 18% (พนักงานสนใจและมีส่วนร่วมกับงานมากขึ้น)
- ประสิทธิภาพพนักงานดีขึ้นอย่างน้อย 15% เมื่อสามารถเลือกเรียนตามจังหวะของตัวเอง
- Retention rate พนักงานโต 25–67% และ performance เฉลี่ยดีขึ้นอีก 25% เมื่อมีการอบรมออนไลน์
- 42% ของบริษัทในสหรัฐฯ เห็นว่ารายได้เพิ่มขึ้นหลังมีออนไลน์เทรนนิ่ง กำไรต่อบริษัทโตเฉลี่ย 24%
- รายได้ต่อพนักงานสูงขึ้นกว่า 200% เมื่อเทียบกับองค์กรที่ไม่มีโปรแกรมสำหรับเรียน
- พนักงานเรียนรู้เนื้อหาได้ “มากขึ้นเกือบ 5 เท่า” ต่อเวลาที่ใช้ในคอร์สออนไลน์ (เช่น IBM)
- ประหยัดเวลาพนักงาน 40–60% เพราะระบบ eLearning เรียนได้ทุกที่ ไม่ต้องหยุดงานนาน
- 72% ขององค์กรบอกว่าทำให้แข่งขันได้เร็วขึ้น พร้อมอยู่รอดในยุคเปลี่ยนแปลง
ภาคการศึกษา
- 98% ของมหาวิทยาลัย มีการเปิดสอนคอร์สออนไลน์ในปัจจุบัน
- ด้านมูลค่าตลาด การศึกษาระดับมหาวิทยาลัยมีมูลค่าสูงที่สุดในอุตสาหกรรมการเรียน (มากกว่า 100,000 ล้าน)
- 31% ของนักศึกษาในอังกฤษ พร้อมเรียนปริญญาผ่านระบบออนไลน์
- คอร์สธุรกิจได้รับความนิยมสูงสุด (30%) รองลงมาคือ IT/คอมพิวเตอร์ และหมวดสุขภาพ
- การสมัครเรียนมหาวิทยาลัยออนไลน์ทั่วโลกโตเฉลี่ย 11% ขณะที่มหาวิทยาลัยแบบดั้งเดิมตกลง 3%
- มากกว่า 2 ใน 5 ของนักเรียนในสหรัฐ เรียนทุกวัน
- นักศึกษาวิทยาลัยออนไลน์ใช้เวลาเรียนน้อยลง 40–60% เมื่อเทียบกับระบบเดิม
ผลกระทบจากโควิด-19 และพฤติกรรมใหม่ในการเรียน
- ช่วงโควิด-19 ถึง 75% ของโรงเรียนในสหรัฐฯ เปลี่ยนไปเรียน 100%
- 72% ของนักเรียนระดับ K-12 ในอเมริกา ใช้เครื่องมือคลาวด์และการเรียนรู้ดิจิทัลเป็นประจำ
- 49% ของอาจารย์ประจำ ได้รับการอบรมการสอนออนไลน์ (พาร์ทไทม์อบรมเพียง 36%)
- ก่อนโควิด โรงเรียนของรัฐ 21% เปิดสอนอย่างน้อย 1 คอร์สออนไลน์ (เอกชน 13%)
แนวโน้มการเรียนในมหาวิทยาลัย
- 75% ของนักศึกษาปริญญาตรี เคยเรียน(สูงกว่าระดับบัณฑิตศึกษา 71%)
- นักศึกษาวิทยาลัยรัฐ 77% เรียนอย่างน้อย 1 คอร์ส (เอกชน 68%)
- นักศึกษาสถาบัน 4 ปีมีแนวโน้มเรียนมากกว่า 2 ปี (76% vs 69%)
ค่าใช้จ่าย
- 54% ของวิทยาลัย คิดค่าเทอมออนไลน์แพงกว่าปกติ
- ค่าเรียนปริญญาออนไลน์โดยเฉลี่ย $15,467 ต่อปี (วิทยาลัยรัฐ $10,000/ปี, เอกชนไม่แสวงหากำไร $15,000/ปี, เอกชนแสวงหากำไร $17,000/ปี)
- ต้นทุนต่อชั่วโมง $500+
- รายได้เฉลี่ยต่อ user จะเกิน $21,000 ในปี 2023
ข้อท้าทาย
- อุปกรณ์การเรียนผ่านมาตรฐานความปลอดภัยเพียง 60% เท่านั้น
- ซอฟต์แวร์มีอายุเฉลี่ย (patch age) นาน เสี่ยงโดนมัลแวร์
- นักเรียนถูกพบว่าใช้เวลาราว 1 ชม. / วันกับคอนเทนต์ไม่เหมาะสม กรองด้วยเว็บฟิลเตอร์ไม่ค่อยได้ผล
- 41% ของโรงเรียนพบปัญหานักเรียน bypass ด้วย VPN
- Digital Divide:
- เด็กกลุ่มรายได้น้อย 25% ขาดอินเตอร์เน็ต และอุปกรณ์
- กลุ่มอื่น 18% ประสบปัญหาเท่านี้
บทสรุป:
การเรียนไม่ใช่แค่อีกหนึ่งทางเลือก แต่เป็นปรากฏการณ์ใหม่การศึกษายุคดิจิทัลที่เกิดขึ้นจริง สถิติและเทรนด์เหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงมิติใหม่ของการเรียนรู้ที่ยืดหยุ่น เข้าถึงง่าย และสร้างโอกาสได้ทุกที่ทุกเวลา
ถ้าอยากรู้แนวโน้มอาชีพและทักษะมาแรงปี 2025
→ อ่านต่อที่ 10 ทักษะอนาคตสำหรับโลกงานยุคดิจิทัล
อ้างอิงจากเว็บไซต์: Online Learning Statistics: The Ultimate List in 2025