Upskill กับ Reskill ต่างกันยังไง?

Upskill กับ Reskill ต่างกันยังไง? – พัฒนาทักษะเพิ่มขีดความสามารถและสร้างโอกาสใหม่ในสายงานยุคดิจิทัล ด้วยกลยุทธ์ Upskill และ Reskill

ในโลกการทำงานยุคดิจิทัลที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา มีสองแนวคิดสำคัญเกี่ยวกับการพัฒนาทักษะที่ทุกคนควรรู้ คือ “Upskill” กับ “Reskill” ซึ่งแม้จะคล้ายกันในการช่วยพัฒนาบุคลากร แต่เป้าหมายและวิธีการแตกต่างกัน

Upskill คืออะไร?

Upskill หมายถึงการ “พัฒนาทักษะเดิม” หรือเสริมสร้างทักษะใหม่ที่เกี่ยวข้องกับสายงานที่คุณทำอยู่ เช่น ฝึกใช้เครื่องมือใหม่ หรือเรียนรู้เทคนิคขั้นสูงในงานเดิม เพิ่มความเชี่ยวชาญ ส่งผลให้คุณทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และพร้อมรับโอกาสก้าวหน้าในสายงานเดิมของตนเอง เช่น

  • ฝึกใช้เทคโนโลยีหรือเครื่องมือใหม่ ๆ ที่ช่วยให้การทำงานไวขึ้น แม่นยำขึ้น
  • เรียนหลักสูตรออนไลน์/เวิร์กช็อปเพื่อขยายความรู้ในสายงานเดิม
  • พัฒนาทักษะการสื่อสารหรือการวิเคราะห์ข้อมูลให้อยู่ในระดับที่สูงขึ้น

ประโยชน์ของ Upskill

  • เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาดแรงงาน
    การ Upskill ช่วยให้คุณมีทักษะใหม่หรือความเชี่ยวชาญที่มากขึ้นในสายงาน ทำให้โดดเด่นเหนือคู่แข่ง สามารถรับมือกับความท้าทายหรือเทรนด์ใหม่ในอุตสาหกรรม และเป็นตัวเลือกแรก ๆ เมื่อองค์กรต้องการคนที่มีความรู้ทันสมัย
  • ได้รับโอกาสเลื่อนตำแหน่งหรือเงินเดือน
    เมื่อตัวเองมีทักษะและศักยภาพที่สูงขึ้น คุณจะมีโอกาสได้รับการเลื่อนตำแหน่งหรือปรับเงินเดือน เนื่องจากองค์กรเห็นว่าเป็นบุคลากรที่มีคุณค่า สามารถรับผิดชอบงานสำคัญหรือบริหารทีมงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • พร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีในสายงาน
    โลกการทำงานในปัจจุบันเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะด้านเทคโนโลยี คนที่ Upskill อยู่เสมอจะพร้อมรับมือกับการปรับเปลี่ยนเครื่องมือ ระบบการทำงาน หรือข้อมูลใหม่ ๆ ได้ดี ไม่ตกยุค ไม่ต้องเสี่ยงถูกแทนที่ในตำแหน่งงาน

Reskill คืออะไร?

Reskill หมายถึงการ “เรียนรู้ทักษะใหม่” เพื่อเตรียมตัวสำหรับบทบาทงานใหม่ หรือปรับตัวเข้าสู่สายอาชีพใหม่โดยสิ้นเชิง เหมาะสำหรับสถานการณ์ที่อาชีพเดิมกำลังถูกเปลี่ยนแปลงหรือถูกแทนที่โดยเทคโนโลยีใหม่ ๆ หรือองค์กรต้องการโยกย้ายตำแหน่งงาน ช่วยให้บุคลากรมีทางเลือกใหม่ ๆ และสามารถอยู่รอดในโลกการทำงานที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

ความแตกต่างระหว่าง Upskill กับ Reskill

  • Upskill คือการเพิ่มทักษะหรือพัฒนาในสายงานเดิม
  • Reskill คือการเปลี่ยนสายงาน หรือฝึกทักษะใหม่เพื่อย้ายไปสู่บทบาทงานที่ต่างออกไปจากเดิม

ตัวอย่าง Reskill ในสถานการณ์จริง:

  • พนักงานฝ่ายผลิตเรียนรู้การควบคุมเครื่องจักรอัตโนมัติ หรือหันมาเรียนเขียนโปรแกรมเพื่อใช้งานกับอุปกรณ์ใหม่
  • พนักงานธุรการฝึกทักษะด้าน Digital Marketing เพื่อเปลี่ยนสายงานไปดูแลโซเชียลมีเดีย หรือคอนเทนต์ออนไลน์
  • พนักงานขายโยกไปทำฝ่ายขาย Data Analytics เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลสนับสนุนการตัดสินใจ
  • นักบัญชีเปลี่ยนสายไปศึกษาเรื่อง Cybersecurity เพื่อดูแลความปลอดภัยของข้อมูลในองค์กร
  • เจ้าหน้าที่สนับสนุนลูกค้า (Customer Support) ฝึกทักษะ UX/UI Design เพื่อเปลี่ยนสายไปงานด้านการพัฒนาเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน

ประโยชน์ของการ Reskill:

  • เปิดโอกาสใหม่ในสายอาชีพ
  • ลดความเสี่ยงที่จะตกงานเมื่อเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลง
  • เติมเต็มศักยภาพของตนเองและเตรียมพร้อมสำหรับอนาคต
  • สร้างความยืดหยุ่น สามารถปรับตัวได้ง่ายในตลาดแรงงานที่ไม่แน่นอน
Upskill กับ Reskill ต่างกันยังไง? – พัฒนาทักษะเพิ่มขีดความสามารถและสร้างโอกาสใหม่ในสายงานยุคดิจิทัล ด้วยกลยุทธ์ Upskill และ Reskill

ตารางเปรียบเทียบ Upskill กับ Reskill

ลักษณะUpskill: เพิ่มทักษะเดิมReskill: ทักษะใหม่ สู่สายงานใหม่
เป้าหมายเพื่อความก้าวหน้า / เชี่ยวชาญในงานเดิมเปลี่ยนบทบาท / เตรียมเข้าสู่สายงานใหม่
เนื้อหาการเรียนมีเทคนิคใหม่ๆ / ขั้นสูงในสายงานเดิมความรู้ใหม่ ไม่เกี่ยวกับงานเดิม
ผลลัพธ์ง่ายต่อการได้รับโปรโมท / เพิ่มมูลค่ามีโอกาสโยกย้าย / ยืดหยุ่นสายงาน
ตัวอย่างนักบัญชีอัพสกิล Data Visualizationพนักงานขายเปลี่ยนไปสาย Digital Marketing

ทำไม Upskill กับ Reskill จึงสำคัญในยุคดิจิทัล?

  • เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
    ธุรกิจและตลาดแรงงานถูกผลักดันโดยนวัตกรรมใหม่ ๆ เช่น AI, Automation, Big Data ส่งผลให้ทักษะเดิมอาจล้าสมัย ภาคองค์กรจึงต้องอัปเดตทักษะบุคลากรเพื่อแข่งขันและไม่สูญเสียโอกาสทางธุรกิจ
  • สร้างความยืดหยุ่น (Agility) ขององค์กรและพนักงาน
    การ Upskill ช่วยให้พนักงานมีความเชี่ยวชาญลึกในสายงานเดิม เช่น ใช้เครื่องมือใหม่ วิเคราะห์ข้อมูลลึกขึ้น สามารถตอบโจทย์งานที่ซับซ้อน ส่วน Reskill คือการขยายกลุ่มทักษะ ย้ายบทบาทงานไปยังสายงานใหม่ เพิ่มทางเลือก เสริมความมั่นคงในอาชีพ ไม่ต้องกลัวตกงานเมื่องานเดิมถูกเทคโนโลยีแทนที่
  • รองรับการเปลี่ยนแปลงของตลาด
    องค์กรที่ลงทุนในการ Upskill และ Reskill จะสามารถปรับตัวตามความต้องการของลูกค้าและตลาดได้รวดเร็ว
    พนักงานที่พัฒนาตัวเองทั้งเชิงลึกและกว้าง จะกลายเป็นทรัพยากรที่สำคัญ มีโอกาสเติบโตทั้งตำแหน่งและเงินเดือน
  • ผลลัพธ์ที่สำคัญ
    Upskill: สร้างโอกาสก้าวหน้าในสายงานเดิม นำไปสู่การเลื่อนขั้นและความเชี่ยวชาญที่เหนือกว่าคู่แข่ง
    Reskill: เพิ่มโอกาสในสายงานใหม่ สร้างความมั่นคงในอาชีพ แม้บางงานหรือบทบาทจะถูกเทคโนโลยีแทนที่

สรุป

  • หากคุณต้องการ “เก่งขึ้นในสายงานเดิม” ให้เลือก Upskill
  • หากอยาก “ขยายโอกาสไปสายงานใหม่” หรือรับมือเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลง ให้โฟกัสที่ Reskill

ทั้ง Upskill และ Reskill ล้วนช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับตัวคุณเองในตลาดแรงงานยุคใหม่ และสร้างโอกาสสร้างสรรค์ในอนาคตได้อย่างมั่นใจ

พร้อมเริ่มต้นเส้นทางธุรกิจคลินิกแบบมืออาชีพกับ Fast b Skills!

ในคอร์ส “เจาะธุรกิจพิชิตยอดขายคลินิก” เราเริ่มสอนตั้งแต่การเข้าใจลูกค้า การตลาดออนไลน์ ยิงแอดหาเป้าหมายจริง การทำคอนเทนต์ให้ขายได้ ปิดการขายอย่างมือโปร ไปจนถึงงานดูแลลูกค้าหลังการขาย
ซื้อวันนี้ รับฟรี! บทโบนัส “ข้อกฎหมาย การซื้อยา การจ้างหมอ และการบริหารบุคลากรคลินิก” ที่เจ้าของคลินิกมือใหม่ต้องรู้
ราคาพิเศษ 5,900 บาท ถึงสิ้นเดือนนี้เท่านั้น! สามารถไปดูคอร์สได้ ที่นี่

สมัครตอนนี้ เปลี่ยนธุรกิจคลินิกของคุณให้โตอย่างยั่งยืน!

สนใจรับคำปรึกษาหรือให้ทีม Fast B Marketing ช่วยขับเคลื่อนธุรกิจคลินิกของคุณ? ติดต่อทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดคลินิกโดยตรงได้ที่ 👉 fast b marketing เราพร้อมให้คำปรึกษา ช่วยวางกลยุทธ์และดูแลทุกองศาการตลาดธุรกิจคลินิกของคุณ!

บทความที่น่าสนใจ

วิธีสร้าง Growth Mindset – คู่มือปฏิบัติปลดล็อกศักยภาพในตัวคุณ

E-Learning กับการเสริมศักยภาพ และเพิ่ม Productivity ในองค์กร

e-Learning ช่วยเสริมศักยภาพและเพิ่ม productivity ในองค์กร

Upskill กับ Reskill ต่างกันยังไง?